ศัลยกรรมจมูก
การเสริมจมูก (Rhinoplasty) เป็นการทำศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมของคนเอเชีย และโดยเฉพาะคนไทยเองก็มีความนิยมในการเสริมจมูกกันอย่างแพร่หลาย เพราการเสริมจมูกจะช่วยทำให้ใบหน้าดูสวยและมีมิติมากขึ้น บางคนเสริมแล้วใบหน้าดูหวานละมุนขึ้น และยังเป็นการสร้างความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดูดีขึ้นอีกด้วย
เสริมจมูกด้วยซิลิโคน (Close Rhinoplasty)
AURAGRACE CLINIC จะเน้นการเสริมจมูกด้วยวิธีการผ่าตัดแบบ Close Rhinoplasty ซึ่งก็คือ วิธีการที่แพทย์จะใช้วัสดุสังเคราะห์ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานในการทำการผ่าตัดเสริมจมูก (ทำจมูก) เช่น ซิลิโคน โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดและสอดซิลิโคนเข้าไปตามรอยแผลผ่าตัดเล็กๆ ภายในช่องจมูก ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำได้ง่ายสะดวก และใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน เหมาะสำหรับคนไข้มีรูปทรงจมูกของเดิมที่ดีอยู่แล้วระดับหนึ่ง เช่น ฐานจมูกไม่หนาหรือใหญ่จนเกินไป สันจมูกไม่เรียบแบนมากเกินไป รูปทรงจมูกไม่เบี้ยวและยาวหรือสั้นเกินไป เพราะหากจมูกมีความยาวที่เหมาะสมก็สามารถเสริมได้ด้วยซิลิโคน แต่มีข้อจำกัดคือไม่เหมาะกับผู้ที่มีจมูกสั้น (Short Nose)
ข้อดี
• เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อนมาก เวลาผ่าตัดไม่นาน
• คนไข้ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ เนื่องจากใช้วิธีการฉีดยาชาเฉพาะที่
• ราคาไม่สูงมาก
ข้อเสีย
• ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีจมูกสั้นมากเกินไป
• ไม่สามารถปรับแก้โครงสร้างจมูกได้ทั้งหมดเนื่องจากเป็นการเปิดแผลในรูจมูกเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเสริมจมูกซิลิโคน (Close Rhinoplasty)
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
1. ควรงดวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่างๆ ทุกชนิด เนื่องจากอาหารเสริมเหล่านี้ ไม่ว่าจะดีงามในสามโลกไหน ก็เกิดอาการเลือดหยุดไหลช้า
2. งดของแสลงจำพวกของดอง น้ำอัดลม รวมถึงอาหารทะเล หากสามารถงดได้ล่วงหน้า แนะนำให้งด
3. งดสูบบุหรี่ ,งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
4. งดยาแก้ปวด ลดกล้ามเนื้ออักเสบ ก่อนผ่าตัด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) หรือ ไอบิวโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด แต่กรณีที่จำเป็นต้องใช้ แนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอนในการบรรเทาอาการปวดเท่านั้น
5. ในกรณีที่ต้องวางยานอนหลับขณะผ่าตัด (เทคนิค Nose Reconstruction) คนไข้ต้องงดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 8 ชม. และควรสระผมให้สะอาด งดทาครีมโลชั่นหรือทาเล็บในวันผ่าตัด
การดูแลหลังทำจมูก
1. งดสูบบุหรี่ ,งดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทุกชนิด เป็นระยะเวลา ประมาณ 1-2 เดือน
2. งดทานอาหารหมักดอง วิตามิน อาหารเสริม เครื่องดื่มแอลกอฮอร์ และงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 เดือน เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสูบฉีดเลือดมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหรือบวมนานขึ้น ทำให้แผลศัลยกรรมหายช้า
3. ให้รับประทานอาหารอ่อนๆ งดรับประทานอาหารที่เหนียวหรือต้องเคี้ยวมากๆ งดการยิ้มปากกว้าง ในเดือนแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการกระแทกหรือขยับเขยื้อนของจมูกมากเกินไป งดอาหารร้อนหรือมีรสชาติเผ็ดซึ่งทำให้เกิดน้ำมูกไหลได้
4. ห้ามให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ 14 วันหรือจนกว่าจะตัดไหม โดยการทำความสะอาดให้ใช้กระดาษซับมันซับน้ำมันบริเวณใบหน้า ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นหมาดเช็ดทั่วใบหน้า
5. ผู้รับการผ่าตัดควรงดแต่งหน้า และควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แห้งและเย็น ปราศจากฝุ่น ซึ่งฝุ่น นั้นเป็น 1 ในสาเหตุให้เกิดการแพ้อากาศ โดยถ้ามีน้ำมูกให้รีบรับประทานยาแก้แพ้เพื่อ ลดน้ำมูกทันที หลีกเลี่ยงการไอ จาม สั่งน้ำมูกซึ่งจะทำให้จมูกได้รับการกระทบกระเทือนหรือสกปรก
6. หากมีเลือดและน้ำเหลืองซึมบริเวณบาดแผล สามารถใช้สำลี หรือไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือซับเบาๆและแต้มเบตาดีนฆ่าเชื้อเบาๆ ห้ามเช็ดหรือถูโดยเด็ดขาด (ควรปล่อยให้แผลแห้งตามธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลทุกกรณี)
7. ห้ามนอนคว่ำหน้า โดยให้นอนหงายและนอนยกหัวสูงขึ้นอย่างน้อย 30 องศาเพื่อลดอาการบวม 7 วัน โดยประมาณ
8. แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกดรุนแรงบริเวณจมูก เพื่อให้จมูกหลังผ่าตัดกลับสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุด ใน 48 ชั่วโมงแรกแนะนำให้ประคบเย็นบริเวณระหว่างคิ้วและตาทั้งสองข้าง โดยประคบนาน 20 นาทีสลับกับหยุดพัก 20 นาที และหลังจากสองวันจึงเริ่มประคบอุ่นได้
9. หลีกเลี่ยงการสวมแว่นตาในช่วง 4 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด หรือแล้วแต่วิจารณญาณของแพทย์ โดยควรสอบถามเจ้าหน้าที่
10. หลังแกะเฝือกจมูกออก ที่หนึ่งสัปดาห์หลังผ่าตัด แนะนำให้ใส่เฝือกเฉพาะตอนกลางคืนต่ออีก 7 วัน เพื่อป้องกันการกระแทกโดยไม่ตั้งใจ
11. ห้ามออกกำลังกายหนักหน่วงที่ต้องมีการก้มและเงย ระวังอุบัติเหตุจากการเบียดเสียด อุบัติเหตุจากเด็กเล็กที่กำลังซน หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน ในช่วง 1 เดือนแรก เนื่องจาก 4 อาทิตย์แรกเป็นช่วงที่กระดูกอ่อนจะเริ่มเข้าที่จึงเป็นระยะที่ควรระมัดระวังที่สุด
12. หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าแบบสวมทางศีรษะ แนะนำให้ใส่เสื้อมีกระดุมหน้า ที่สามารถใส่และถอดได้ง่าย เพื่อลดการสัมผัสของจมูกในขณะเปลี่ยนเสื้อ
13. ห้ามกดหรือบิดจมูกโดยเด็ดขาด การบิดจมูกในคนไข้นั้นเป็นการทำให้เนื้อเยื่อบาดเจ็บและทำให้เกิดการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อซึ่งผิดปกติไปจากเดิม (มักทำให้เกิด fibrosis) ซึ่งในระยะยาวทำให้เกิดจมูกผิดรูปจากการหดรั้งของเนื้อเยื่อได้
(เป็นความเข้าใจผิดของคนไข้ว่าจมูกที่ดีนั้นต้องบิดได้ ซึ่งแพทย์ไม่แนะนำให้บิดหรือกดจมูกในคนไข้ที่เสริมจมูกทุกรูปแบบ)
14. การใช้ยารักษาแผลเป็น สามารถใช้ได้หลังจากแผลแห้งแล้วเท่านั้น โดยสามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 10-14 หลังวันผ่าตัด
15. แนะนำให้ ดื่มน้ำใบบัวบก,น้ำมะพร้าว เพื่อลดอาการฟกช้ำได้เร็วขึ้น
16. รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด
17. มาตรวจซ้ำตามนัดของแพทย์ตามกำหนดเวลา